หากแพ้อาร์เซน่อล จากที่เคยโชว์ฟอร์มได้ดี ปรากฏว่าในห้าเกมข้างหลังของ พรีเมียร์ลีก หงส์แดง กำชัยได้เพียงแค่สองเกมเพียงแค่นั้น
หากแพ้อาร์เซน่อล มันกำเนิดอะไรสังกัดกลุ่มของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แล้วก็มันจะเป็นวิกฤติย่อมๆที่กำลังก่อตัวในกลุ่ม ลิเวอร์พูล หรือไม่ โดยเฉพาะถ้าหากวันเสาร์นี้ อาร์เซน่อล กลุ่มฟอร์มแรงที่ชนะรวดในสี่นัดหมายข้างหลังของทุกรายการบุกมาเก็บสามแต้มที่ แอนฟิลด์ ได้ เกิดเสียงเรียกร้อง
มิเกล อาร์เตต้า ก็จะพาทีม ปืนใหญ่ แซงหน้าเจ้าบ้านบนชั้นตารางได้หนึ่งแต้ม รวมทั้งมันแสดงว่า หงส์แดง จะหลุดจากท๊อปโฟร์ลงมาอยู่ที่ห้าแทนซึ่งเป็นราวกับสัญญาณเตือนภัยสำหรับกลุ่มจากเมอร์ซีย์ไซด์เลยก็ว่าได้
ถ้างั้น ปัญหาของ หงส์แดง อยู่ที่ไหนกันแน่ จากการลงเล่นเก้านัดหมายข้างหลังทั้งยังใน พรีเมียร์ลีก รวมทั้ง แชมเปี้ยนส์ลีก หงส์แดง เสียประตูไปทั้งหมด 13 ลูก ลางไม่ดีถูกเปิดเผยให้มองเห็นตั้งแต่เกมบุกไปเสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 3-3
โดยกลุ่มของ คล็อปป์ จำเป็นต้องแบ่งแต้มให้สมาชิกใหม่ก่อนหมดเวลาแปดนาที และก็ปัจจุบันก่อนไปสู่ตอนเบรกเกมกลุ่มชาติ เร้ด แมชีน ก็บุกไปพลาดท่าให้ เวสต์แฮม ที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม 3-2
ก็เลยบอกได้เลยว่าถ้าหากมิได้พิษสงการถล่มประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ช่วยเอาไว้ที่ผ่านมาในหลายๆนัดหมาย บางคราว หงส์แดง ก็ไม่น่าจะมีลุ้นคว้าการบรรลุเป้าหมายในเมื่อพวกเขาขจัดปัญหาเกมรับไม่ตก
สำหรับฤดูกาลนี้ หงส์แดง เสียประตูอย่างราบรื่นไม่ถูกไปจากฤดูกาลก่อนๆอย่างชัดเจน มันบางทีอาจไม่เกี่ยวอะไรกับแท็คติก และก็น่าจะเป็นข้อผิดพลาดส่วนบุคคลมากยิ่งกว่า
หากแพ้อาร์เซน่อล การขาดหายไปของ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม
ถึงแม้หลายๆคนจะเห็นว่าการย้ายออกไปของกองกลางกลุ่มชาติฮอลแลนด์ไม่มีผลเสียอะไรต่อ หงส์แดง แต่ว่าจากหลักฐานมันฟ้องให้มองเห็นอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องเล็กเลย นั่นเป็นเนื่องจากว่าฤดูกาลก่อน
ไวจ์นัลดุม ได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ครบทุกนัดหมายโดยเขาได้ลงในสนามเป็นตัวจริง 34 นัดหมาย แถมพลาดไปแค่นัดเดียวเพียงแค่นั้น (เป็นตัวจริง35นัดหมาย) ในฤดูกาล 2019/20 ที่ เร้ด แมชีน ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปครอบครองได้
ในฐานะกองกลางทางด้านซ้าย ไวจ์นัลดุม เยี่ยมในด้านการครอบครองบอล แล้วก็คุมจังหวะเกม ทั้งยังรักษาพื้นที่ได้ดี และก็เล่นได้อย่างขาวสะอาด ตลอดจนผ่านบอลได้ยอดเยี่ยมซึ่งช่วยให้ หงส์แดง ครอบครองบอลได้เหนือกว่าคู่แข่งขันหลายขีดกั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิด หงส์แดง ได้ประตูนำหน้าปรปักษ์ไปก่อน การมีดาวเตะชาวฮอลันดาอยู่ในกลุ่มก็ช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้ว่าพวกเขาได้โอกาสกำความมีชัยแบบมองเห็นๆแม้กระนั้นกับฤดูกาลนี้ หงส์แดง เคยนำหน้า ไบรท์ตัน ไปก่อนถึงสองประตูที่ แอนฟิลด์
แม้กระนั้นในที่สุดก็เก็บได้เพียงแค่แต้มเดียว รวมทั้งที่ผ่านมาในเกมต้อนรับ แมนฯ ซิตี้ ลิเวอร์พูล ก็ปิดเกมมิได้โดยถูก เรือใบสีฟ้า ตีเสมอ 2-2 ก่อนหมดเวลาเก้านาที มันยังไม่ใช่แค่นี้ ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก บุกไปเยือน แอตเลติโก มาดริด กลุ่มจากอังกฤษนำหน้าเจ้าของบ้านไปก่อนถึงสองประตู แต่ว่าถูกทวงคืนอย่างไม่น่าเชื่อ รีวิวเจ็ทสกี
ดีที่ว่ามาได้ ซาลาห์ เป็นวีรบุรุษพาทีมคว้าชัย 3-2 ทั้งผองนี้แสดงให้เห็นว่า คล็อปป์ จัดแจงกับการควบคุมจังหวะเกมมิได้ข้างหลังมีอันจำต้องขาดนักฟุตบอลระดับประสิทธิภาพอย่าง ไวจ์นัลดุม
แล้วก็แม้ว่าจะเล่นเป็นกองกึ่งกลาง แต่ว่าพ่อค้าหน้าแข้งคนเมืองกังหันลมมีผลในเกมรับของกลุ่มเช่นเดียวกันเพราะเขาจะรอลงต่ำไปช่วยแผงหลัง เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เคอร์ติส โจนส์ หรือ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ก็ไม่บางทีอาจอุดรูรั่วด้านซ้ายของดินแดนกึ่งกลางที่ ไวจ์นัลดุม ทิ้งไว้ได้
นอกเหนือจากนั้น โจนส์ รวมทั้ง อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน มักก่อข้อผิดพลาดสำหรับการคุมพื้นที่เช่นเดียวกัน แล้วก็อ่านจังหวะเกมไม่ดีเพียงพอกระทั่งทำให้เล่นเกมรุกแล้วก็ยอมรับผิดฟั่นเฟือนไปจากที่จะต้องเป็นอยู่เสมอๆ
ด้วยประการฉะนี้ หงส์แดง ก็เลยเสียประตูให้กับ ปาโบล ฟอร์นัลส์ ในเกมบู๊กับ เวสต์แฮม รวมทั้งสองประตูกับ นกนางนวล แล้วก็ประตูแรกของ เรือใบสีฟ้า ที่ แอนฟิลด์ โดยเฉพาะ การเล่นในระบบ 4-3-3 ก็ยิ่งเพิ่มความเหนื่อยยากสำหรับการคุมพื้นที่ของแนวรับ
ซึ่งทำให้ตัวรุก ลิเวอร์พูล จำต้องตื่นตัว และก็ใช้พลังงานเยอะขึ้นเรื่อยๆข้างหลังไม่มีนักฟุตบอลประสบการณ์สูงอย่าง ไวจ์นัลดุม อย่างในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งมองเห็นช่องโหว่ในจุดนี้
พวกเขาก็เลยสร้างจังหวะได้อย่างสม่ำเสมอเหมือนกันกับนัดหมายฟัดกับ ไบรท์ตัน ซึ่งตามหลังมา 2-1 ร้อนจนถึง คล็อปป์ จำเป็นต้องปรับมาใช้หมาก 4-2-2 แทน “พวกเราแปลงระบบในช่วงหลัง พวกเราไม่บางทีอาจปกป้องพื้นที่ทางด้านกว้างได้อีกต่อไป” นายใหญ่ชาวเยอรมันเอ่ย
ฟาน ไดค์ กับ อลิสซง ฟอร์มตก
เหตุผลสำคัญประการลำดับที่สองในแนวรับของ หงส์แดงเป็นเฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ด่วนกลับมาลงไปในสนามเร็วเกินความจำเป็นข้างหลังมีปัญหาเอ็นขัดหน้าหัวเข่าฉีกจนขาด แล้วก็มันมีผลกระทบต่อภาวะความฟิตที่ยังไม่เต็มที่
ดังจะมีความเห็นว่าสมัยก่อนพ่อค้าลำแข้งกลุ่ม เซาธ์แฮมป์ตัน มองดูไม่กระชุ่มกระชวยเหมือนแต่ก่อน และก็สปีดในเกมของเขาตกลงไปอย่างชัดเจน ที่แน่นอนก็คือการเสียประตูในเกมดวลกับ เบรนท์ฟอร์ด รวมทั้ง แอตเลติโก มาดริด
ซึ่งทำให้เห็นว่า ฟาน ไดค์ ยังจำเป็นต้องเรียกฟอร์มที่เยี่ยมที่สุดของตนเองกลับมาให้ได้ จากที่มีสถิติเผยแพร่ ระดับฟอร์มการเล่นของ ฟาน ไดค์ ตกลงไปจากฤดูกาล 2019/20 อย่างน่าตกใจ
การแย่งบอลกลับมาของเขาตกจากจำนวน 97 เหลือ 77 ในเวลาที่การดวลลูกกลางอากาศก็ตกจากจำนวน 77 เหลือ 53 รวมทั้งที่สำคัญประสิทธิภาพสำหรับในการเล่นเกมรับของเขาตกลงแบบฮวบฮาบจาก 85 เหลือเพียงแค่ 8 เพียงแค่นั้น
แน่ๆว่าฟอร์มที่ลดน้อยของ ฟาน ไดค์ ส่งผลเสียอย่างมากต่อ หงส์แดง ในฤดูกาลนี้ แล้วก็มันยังลุกลามไปถึงการก่อความบกพร่องบ่อยมากเยอะขึ้นเรื่อยๆของ อลิสซง เบ็คเกอร์ ด้วย ข้อด้อยลูกเซ็ตพีซ นายทวารกลุ่มชาติบราซิลถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าก่อข้อผิดพลาดทั้งยังสามประตูที่เสียไปให้กับ เวสต์แฮม
ซึ่งส่วนหนึ่งส่วนใดเกิดจากการตั้งรับลูกเซ็ตพีซที่ไม่ถ้วนถี่ของกลุ่ม แล้วก็จากสี่ประตูที่เสียไปทั้งหมดทั้งปวง 13 ประตูตั้งแต่แมื่อเกมปะทะกับ เบรนท์ฟอร์ด ก็ล้วนมีเหตุที่เกิดจากลูกเซ็ตพีซทั้งหมด เมื่อแล้วก็สองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน
มันก็เลยให้โอกาสให้กลุ่มที่อ่อนกว่า รวมทั้งจำต้องเล่นเกมสวนกลับมีลุ้นทำแต้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะแผงแบ็คโฟร์ของ หงส์แดง คุ้มครองปกป้องลูกเซ็ตพีซได้ไม่ดีเพียงพอ เรียกว่าถ้า หงส์แดง เปิดพื้นที่ หรือสูญเสียการครอบครองบอลเมื่อไร พวกเขาก็มีสิทธิ์พบเจอกับเรื่องที่เลวทราม
เช่นไรเสีย ข่าวดีที่ยังพอเพียงจะมีอยู่บ้างของแฟนบอล เดอะ ค็อป ก็คือพวกเขามีที่ปรึกษาที่ชำนาญในด้านแท็คติกอย่าง คล็อปป์ ที่สามารถปรับปรุงแก้ไขข้อเสียได้อย่างที่เขาชี้ให้เห็นมาแล้วกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รวมทั้ง หงส์แดง ด้วยด้วยเหมือนกัน
เวลาเดียวกัน เร้ด แมชีน ก็คอยเพียงแค่ให้ ฟาน ไดค์ กลับมาฟิตเต็มที่อีกรอบ และก็การจัดการกับปัญหากองกลางทางซ้ายให้พอดี ขอแต่มิดฟิลด์ลูกค้าขาประจำอย่าง ฟาบินโญ่ , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รวมทั้ง นาบี้ เกอิต้า อย่าขยันป่วยบ่อยครั้งก็ตามใจเพราะเหตุว่า โจนส์ กับ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน พึ่งพาอะไรมิได้มากเท่าไรนัก ไม่อย่างนั้น สาวก ลิเวอร์พูล ก็จึงควรกัดเล็บลุ้นกันแบบหัวใจจะวายดูเหมือนจะทุกนัดหมายอย่างไม่ต้องสงสัย
